ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 64
การพบกันเพียงครั้งแรกระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาวก็ เกิดความรู้สึกต้องตาต้องใจกันเช่นนี้ ก็เนื่องด้วยบุพเพสันนิวาส คือได้เคยอยู่ร่วมกันมา และเคยได้สร้างบุญร่วมกันมาในภพชาติก่อน ซึ่งมโหสถบัณฑิตและนางอมราก็อยู่ในกฎเกณฑ์นี้
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 63
พระนางอุทุมพรเทวีจึงทรงดำริในพระทัยว่า “มโหสถน้องชายของเราเติบโตเป็นหนุ่มแล้ว ทั้งมีตำเเหน่งเป็นถึงราชบัณฑิต บัดนี้จึงสมควรที่เธอจะมีคู่ครองได้แล้ว”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 62
วาทะของมโหสถในครั้งนี้ เป็นดุจไม้หน้าสามที่ตีแสกลงกลางกระหม่อมของอาจารย์เสนกะเสียจนหน้าคว่ำไม่ เป็นท่า เพราะไม่ว่าใครหากได้ตรองตามสักหน่อย ก็ย่อมจะเห็นชัดว่า คำพูดของอาจารย์เสนกะผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เพราะในขณะที่กำลังยกตนว่าเป็นบัณฑิตผู้มีปัญญาที่ถึงอย่างไรก็ต้องยอม สวามิภักดิ์ต่อผู้มีทรัพย์อยู่ดี นั่นก็เท่ากับแฝงนัยยะว่า พระราชาเป็นเพียงผู้มีทรัพย์แต่พระองค์หามีปัญญาไม่
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 61
มโหสถบัณฑิต ไม่ได้มองเพียงแค่ในชาตินี้เท่านั้น แต่ได้มองไกลออกไปถึงในภพชาติเบื้องหน้า เพราะเห็นชัดถึงคุณและโทษของทรัพย์ว่า ถ้าหากขาดปัญญาในการใช้สอยแล้ว ก็มีสิทธิ์ที่จะใช้ทรัพย์ไปในทางที่เป็นบาป เช่นนำไปเสียให้กับอบายมุข นำไปดื่มสุรา เล่นการพนัน และเที่ยวกลางคืนเป็นต้น ทรัพย์นั้นแทนที่จะเรียกได้ว่าเป็นทรัพย์สมบัติ แต่จะกลายเป็นทรัพย์วิบัติไป เพราะนำความวิบัติมาให้ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 60
อาจารย์เสนกะถูกมโหสถเย้ยกลับด้วยถ้อยคำที่เชือด เชือนเช่นนั้น ก็รู้สึกขุ่นเคืองใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็พยายามสกัดกั้นอารมณ์นั้นไว้ไม่แสดงออก เพื่อให้สมกับที่ตนเป็นผู้มีอาวุโสกว่า ครั้นแล้วก็ได้กราบทูลท้าวเธอต่อไปว่า “ขอเดชะ มโหสถยังเด็กเหลือเกิน ปากก็ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ผ่านโลกมาเพียงไม่กี่ปี แล้วเธอจะรู้อะไร พระพุทธเจ้าข้า”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 57
พระเจ้าวิเทหราชได้สดับคำตอบของมโหสถ ก็ยิ่งทรงทราบชัดถึงความเป็นไประหว่างแพะกับสุนัขที่ได้ทอดพระเนตรเห็นผ่าน ทางช่องพระแกล จึงทรงเข้าพระทัยว่า ราชบัณฑิตทั้ง ๕ ล้วนแทงตลอดในปัญหาด้วยปัญญาของตนทั้งสิ้น
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 56
การยอมตนเข้าไปขอความช่วยเหลือ จากมโหสถบัณฑิตในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า อาจารย์ทั้ง ๔ นั้น ตามที่จริงแล้ว พวกเขายอมรับในปรีชาญาณ และความสามารถของมโหสถว่าเหนือกว่าพวกตนมานานแล้ว แต่ยังติดอยู่ที่มีความริษยา ไม่อยากตกอันดับเป็นสองรองจากมโหสถเท่านั้น
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 48
ทรงดำริพลาง มีพระดำรัสถามว่า “พ่อมโหสถ เธอจำกิ้งก่าตัวนี้ได้ไหมเล่า” “จำได้อย่างแน่นอนพระเจ้าข้า” มโหสถทูลตอบ “เธอดูซิ ประหลาดไหมเล่า เจ้ากิ้งก่าตัวนี้ เมื่อก่อนพอมันเห็นเรา ก็วิ่งลงมาซบแทบพื้นดิน ครั้งนั้นเธอเคยบอกเราว่ามันแสดงความเคารพเรา แต่มาวันนี้ ทำไมดูมันช่างกระด้างกระเดื่องเช่นนั้น เธอทราบหรือไม่ว่า เพราะเหตุอันใด มันจึงยังคงเกาะนิ่ง เชิดหัวชูคออยู่เช่นนั้น”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 46
แม้ว่าท้าวเธอจะทรงฉงนพระทัยสักเพียงใด แต่ครั้นได้ทรงนึกถึงข้อพิสูจน์ที่มโหสถบัณฑิตค่อยๆเปิดเผยให้ปรากฏเป็นที่ ประจักษ์ก่อนหน้านี้ จึงไม่ทรงคัดค้านสิ่งใดอีก ในที่สุด จึงได้มีรับสั่งกับราชบุรุษผู้หนึ่งว่า “เจ้าจงขึ้นไปดูให้รู้แน่ ว่าบนต้นตาลนั้นมีแก้วมณีอยู่จริงหรือไม่ หากว่าพบแก้วมณีแล้ว ก็จงนำมาให้เราเถิด”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 45
ทันทีที่มโหสถมาถึง ก็รีบมุ่งตรงไปที่ริมขอบสระ ยืนจ้องมองดูแสงแก้วมณีนั้นอย่างพินิจพิจารณา แม้นสระโบกขรณีนั้นจะกว้างใหญ่สักเพียงใดก็ตาม แต่พอมโหสถสังเกตดูเพียงครู่เดียว ก็รู้ทันทีว่า แสงที่เห็นนั้นมิใช่แสงที่พวยพุ่งขึ้นมาจากสระอย่างแน่นอนแท้ที่จริงคงเป็นเพียงเงาสะท้อนของดวงแก้วมณีเท่านั้น แต่ปัญหาที่ยากยิ่งกว่านั้นก็คือ “แล้วแก้วมณีนั้นเล่า ตั้งอยู่ ณ ที่แห่งใดกัน”